Prologue
ณ หอคอยชั้นนอกของปราสาทมาร ท่ามกลางดวงจันทร์บนนภาในยามรัตติกาลเป็นพยาน "ริชเตอร์ เบลมอนต์" แวมไพร์ ฮันเตอร์ในตำนาน เปิดศึกการต่อสู้อย่างดุเดือดกับ "เคาท์ แดร็คคูล่า" ราชันย์แห่งแวมไพร์ ซึ่งถูกปลุกชีพขึ้นมาโดย "ชาฟต์" นักบวชแห่งความมืด . . และที่สุดแล้วริชเตอร์ก็สามารถกำจัดแดร็คคูล่าลงได้ . . .
*หลังจากที่ Richter ปราบ Dracula ได้ เขาก็จะหายตัวไป ในปี ค.ศ.1792 และหลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมาจะเริ่มเล่นในบทบาทของ Alucard โดยค่าพลังเริ่มต้นต่างๆ ของ Alucard จะขึ้นอยู่กับ Richter หาก Richter ปราบ Dracula ได้โดยใช้เวลาน้อย และเสีย HP น้อย จะทำให้ค่าพลังเริ่มต้นของ Alucard ออกมาดีหาก Richter ปราบ Dracula ได้โดยไม่ใช้ Heart เลย หรือ Richter ต้องให้ Maria มาช่วยปราบ Dracula ก็จะส่งผลให้ค่าพลังเริ่มต้นของ Alucard เปลี่ยนไป
ทว่า . . อีก 4 ปีต่อมา ริชเตอร์ เบลมอนด์ได้หายสาบสูญไป . . "มาเรีย เรอนาร์ด" เด็กสาวที่ริชเตอร์เคยช่วยไว้เมื่อ 4 ปีก่อน และนับถือเขาเปรียบพี่ชายได้ทราบข่าวขณะออกเดินทางท่องเที่ยว จึงเดินทางออกตามหา . .
ในขณะเดียวกัน ได้มีบุรุษผู้หนึ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอันยาวนาน เพราะสัมผัสได้ถึงจิตชั่วร้ายที่มีพลังอำนาจอันน่าสะพรึง ชายผู้ซึ่งมีนามว่า "อัลคาร์ด" ซึ่งในอดีตเคยร่วมกับ "เทรเวอร์ เบลมอนต์" และคณะ ทำการกำจัด "เคาท์
วลาด เทเปซ แดร็คคูล่า" ผู้เป็นบิดาลง . . เพราะสูญเสียพลังไปอย่างมากจากการต่อสู้ครั้งนั้น และเพื่อกำจัดสายเลือดต้องสาปที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง อัลคาร์ดจึงสะกดตัวเอง โดยจำศีลอยู่ในการนิทราอันไม่สิ้นสุด และการนิทรานั้นก็ถูกขัดขวาง และทำให้เขาได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยุคนี้ . . อัลคาร์ดรับรู้ว่าบัดนี้ "ทรานซิลเวเนีย" ดินแดนบ้านเกิดได้ถูกเงาแห่งความชั่วร้ายเข้าครอบคลุมไว้หมดแล้ว และนั่นทำให้เขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง . . .
แม้ด้วยเหตุผล และประสงค์ที่ต่างกันไป แต่ทว่าต่างฝ่ายล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นำพาให้วงวนแห่งชะตากรรมได้กลับมารวมกัน ณ ปราสาทมารของเคาท์ แดร็กคูล่าอีกครั้ง . . บัดนี้ มีเพียงดวงจันทร์บนนภาในยามรัตติกาลเท่านั้นหรือ!? ที่จะรู้ความเป็นไปแห่งโชคชะตา . . .
Alucard
Castle Entrance
เริ่มต้นมาบุกเข้าไปในปราสาท แล้วจะเจอก้อนหินขนาดยักษ์ขวางอยู่ สามารถใช้ดาบทำลายเข้าไปเก็บไอเท็มข้าง
ในได้ จากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆ และจะได้พบกับ "เดธ" เทพแห่งความตาย ปรากฎตัวขึ้นมาหยุดยั้งอัลคาร์ด และจากนั้นเขาจะยึดอาวุธ และชุดป้องกันทุกอย่างของเราไป . . .
เดินต่อไปจะพบศัตรูโครงกระดูกขาว กำจัดแล้วจะได้ดาบสั้นมาใช้เป็นอาวุธพื้นฐาน . . (ทางซ้ายมือจะมีห้องเซฟ ซึ่งสามารถใช้ฟื้นฟูพลังชีวิต และพลังเวทย์ได้ด้วย) และเมื่อขึ้นไปยังด้านบน จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) มา นั่นคือ "Cube of Zoe" ซึ่งมีประโยชน์คือเวลาทำลายสิ่งของ จะให้ไอเท็มออกมา (โดยอาจจะเป็นหัวใจ หรือเงินก็ได้)
จากนั้นไปทางด้านซ้าย เพื่อไปยังโซนห้องเล่นแร่แปรธาตุต่อไป . . .
Note - ถ้ากด Select จะเป็นการเปิดดูแผนที่ปราสาททั้งหมด (ที่สำรวจได้ในขณะนั้น) และห้องเซฟ จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมสีแดง ในฉากแผนที่
ในได้ จากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆ และจะได้พบกับ "เดธ" เทพแห่งความตาย ปรากฎตัวขึ้นมาหยุดยั้งอัลคาร์ด และจากนั้นเขาจะยึดอาวุธ และชุดป้องกันทุกอย่างของเราไป . . .
เดินต่อไปจะพบศัตรูโครงกระดูกขาว กำจัดแล้วจะได้ดาบสั้นมาใช้เป็นอาวุธพื้นฐาน . . (ทางซ้ายมือจะมีห้องเซฟ ซึ่งสามารถใช้ฟื้นฟูพลังชีวิต และพลังเวทย์ได้ด้วย) และเมื่อขึ้นไปยังด้านบน จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) มา นั่นคือ "Cube of Zoe" ซึ่งมีประโยชน์คือเวลาทำลายสิ่งของ จะให้ไอเท็มออกมา (โดยอาจจะเป็นหัวใจ หรือเงินก็ได้)
จากนั้นไปทางด้านซ้าย เพื่อไปยังโซนห้องเล่นแร่แปรธาตุต่อไป . . .
Note - ถ้ากด Select จะเป็นการเปิดดูแผนที่ปราสาททั้งหมด (ที่สำรวจได้ในขณะนั้น) และห้องเซฟ จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมสีแดง ในฉากแผนที่
Alchemy Laboratory
ในโซนนี้ ตรงจุดเริ่มต้น ทางซ้ายมือจะมีลูกโลกจำลองวางอยู่ ทำลายแล้วจะได้ไอเท็มโล่ห์หนังมาใช้งาน จากนั้นลุยไปต่อจนพบห้องที่มีลังไม้วางอยู่ ให้เหยียบสวิทช์กับดักหนามให้หมด แล้วเดินไปเข็นลังไม้มาทับที่ที่เคยมีกับดัก แล้วไปเหยียบสวิทช์กับดักอีกครั้ง จะทำให้เราใช้เป็นแท่นยืนกระโดดขึ้นที่สูงได้ ขึ้นไปเก็บไอเท็มที่ห้องทางขวาบน แล้วกลับลงมา แล้วมุ่งหน้าต่อไป
ขณะที่กำลังขึ้นไปยังชั้นบน* ในทางแยกด้านซ้ายมือ จะพบประตูสีเขียวที่มีมนต์ผนึกอยู่* ยังไม่สามารถผ่านเข้าไปในตอนนี้ได้ ให้กลับออกมา
Note - ขณะที่กำลังขึ้นไปยังชั้นบน* ที่พื้นด้านล่าง และผนังด้านซ้ายมือ สามารถทำลายเข้าไปในห้องลับ เพื่อเก็บไอเท็มได้ด้วย
ไปต่อยังห้องตราไสยเวทย์ด้านขวาบน แล้วจะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "สโลกร้า และกายบอน" (LV.6 - HP 200) ซึ่งถ้าติดอาวุธเสริม-ขวานมาด้วย จะปราบได้ง่ายมาก โดยพยายามจัดการตัวบนพื้นก่อน ถ้าถูกโจมตีด้วยการพ่นไฟ สามารถใช้โล่ห์หนังกันได้ ส่วนตัวบินได้ ใช้ขวานดักโจมตีเอา
เมื่อปราบได้แล้ว เดินไปทางขวาสุด จะมีทางลงลิฟท์ไปเก็บไอเท็มได้ และที่ชั้นล่างสุด สับสวิทช์ปืนใหญ่ทำลายกำแพง เพื่อเปิดทางเชื่อม และกลับขึ้นมา (ทางขวาบนจะมีห้องเซฟด้วย) จากนั้นมุ่งหน้าไปยังโซนระเบียงหินอ่อนต่อไป
Marble Gallery
ในโซนนี้ ศัตรูพื้นฐานจะเป็นพวก แอ็คซ์ ไนท์ (อัศวินขวาน) กับพวก เฟลียเม็น (คนแคระ) . . เดินไปทางขวา จะมีห้องเซฟ และในโซนนี้ ทางมุมซ้ายล่างจะมีไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Spirit Orb" ให้เก็บ ซึ่งมีประโยชน์คือ เวลาโจมตีศัตรู จะแสดงค่าความเสียหายให้ปรากฎ และในโซนนี้ จะพบประตูสีฟ้าที่มีมนต์ผนึกอยู่ ทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าไปในตอนนี้ได้อีกบานหนึ่งด้วยที่ห้องนาฬิกายักษ์ จะพบกับมาเรียที่กำลังสำรวจปราสาทอยู่ ซึ่งอัลคาร์ดก็แนะนำตัวเองเพียงสั้นๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไป จากนั้นลุยผ่านระเบียงทางยาวเพื่อไปยังโซนกำแพงส่วนนอกปราสาทต่อไป
Outer Wall
ศัตรูในโซนนี้ คอยระวังพวกหัวเมดูซ่าเป็นพิเศษ เพราะจะจับจังหวะโจมตียาก และมีมาเรื่อยๆไม่มีวันหมด ลงมาทางด้านล่างทางซ้าย จะพบศัตรูอาเม่อร์ ลอร์ดเฝ้าอยู่หน้าห้องหนึ่ง ซึ่งกับศัตรูตัวนี้ สามารถใช้ท่า "เฮลล์ ไฟร์" ของอัลคาร์ดวาร์ปผ่านเข้าไปได้ (กดบน , ล่าง , หน้า + สี่เหลี่ยม - ขณะที่ตัวหาย กดเดินหน้า) ในห้องหลัง อาเม่อร์ ลอร์ดนั้น ทำลายกำแพงทางซ้ายมือ จะได้ไอเท็มเนื้อฟื้นพลังมา และเข้าไปยืนในซอกกำแพงที่ถูกทำลายไปประมาณ 20 วินาที อัลคาร์ดจะสามาถวาร์ปลงไปยังห้องข้างล่างได้ และจะเจอไอเท็มดีๆ นั่นคือ สนับมือ Jewel Knuckles และเกราะ Mirror Cuirass ลงไปด้านล่างต่อ จะพบห้องที่มีประตูเหล็กกั้น* ซึ่งจะต้องได้ไอเทมที่แปลงร่างเป็นหมอกได้เสียก่อน จึงจะผ่านเข้าไปได้ ถ้าลงไปยังชั้นล่างสุด จะเจอกล้องส่องทางไกล แต่ส่องดูแล้วไม่พบอะไรที่น่าสนใจ (ไปยืนข้างหน้า แล้วกดปุ่ม "บน")
กลับขึ้นไปยังด้านบน แล้วไปทางซ้ายของโซน Outer Wall จะพบห้องเซฟ ฟื้นฟูพลังให้เรียบร้อย แล้วไปยังห้องต่อไป จะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "ดรอบเฟลแกงเกอร์" (Lv.10 - HP 120) ซึ่งมีหน้าตา และรูปแบบการโจมตีเหมือนอัลคาร์ดทุกอย่าง และยังมีอาวุธเสริมเป็นมีดสั้นอีกด้วย ซึ่งถ้าเก็บไอเท็มเสริม "นาฬิกาหยุดเวลา" มาจะปราบได้ไม่ยากเลย
เมื่อปราบได้แล้ว ไปยังห้องต่อไป จะได้ดาบยาว "กลาดิอุส" มาใช้ หลังจากนั้นออกไปยังโซน Outer Wall ด้านนอกอีกครั้ง ขึ้นไปชั้นบน ดันสวิทช์เครื่องจักรไอน้ำ เพื่อเปิดการทำงานของลิฟท์ และเข้าไปในลิฟท์ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Soul of Wolf" ที่ทำให้แปลงร่างเป็นหมาป่าได้มา (กด R2) จากนั้นเข้าประตูทางซ้าย เพื่อไปยังโซนห้องสมุดต่อไป . .
Note - ในโซน Outer Wall แห่งนี้ จะมีห้องวาร์ปรูปแมงป่องด้วย ควรจะกดเข้าไป เพื่อเปิดจุดวาร์ป แล้วจะไปโผล่ยังห้องวาร์ปรูปม้า ในบริเวณโซนทางเข้าปราสาท)
Note - ในโซน Outer Wall แห่งนี้ จะมีห้องวาร์ปรูปแมงป่องด้วย ควรจะกดเข้าไป เพื่อเปิดจุดวาร์ป แล้วจะไปโผล่ยังห้องวาร์ปรูปม้า ในบริเวณโซนทางเข้าปราสาท)
Long Library
ในโซนนี้ จะมีศัตรูพวกอัศวินเกราะ และคนแคระเต็มไปหมด . . ทางด้านซ้ายของโซนนี้จะมีร้านขายของตั้งอยู่ ซึ่งที่นี่จะมีอาวุธ เครื่องป้องกัน และไอเท็มฟื้นพลังขายด้วย ซึ่งไอเท็มสำคัญที่ต้องซื้อ มีดังนี้
ทางด้านขวาบนของโซนนี้ จะมีไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Fairie Scroll" ให้เก็บ ซึ่งมีประโยชน์คือเวลาโจมตีศัตรู จะแสดงชื่อของศัตรูนั้นให้ปรากฎ
จากนั้นย้อนกลับไปยังโซน Alchemy Laboratory เพื่อคลายผนึกมนต์ที่ประตู* (อยู่ทางซ้ายมือ ก่อนจะขึ้นไปพบบอสคู่แรกของเกม) ซึ่งที่นี่ จะพบกับมาเรียอีกครั้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังโซนโบสถ์สวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
ในโซนนี้ ที่ห้องทางด้านขวา จะเป็น "ห้องสารภาพบาป" สามารถเข้าไปนั่งฟังได้ (ไปยืนตรงเก้าอี้ตัวซ้ายมือ แล้วกดปุ่ม "บน") โดยเกมจะสุ่มเหล่าวิญญาณออกมา บางตัวก็ดี บางตัวก็ร้าย ถ้าพบวิญญาณที่ใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินให้นั่งฟังเขา เมื่อเขาจากไป จะได้รับไอเท็มตอบแทนด้วย
ที่โซนนี้ ด้านนอกใต้หอคอยของปราสาททางซ้ายมือ จะมีไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Leap Stone" ให้เก็บ ซึ่งทำให้อัลคาร์ดกระโดด 2 ชั้นกลางอากาศได้ และห้องทางขวาสุด จะเป็นห้องวาร์ปรูปสิงโตจากนั้นย้อนกลับไปยังโซน Alchemy Laboratory เพื่อคลายผนึกมนต์ที่ประตู* (อยู่ทางซ้ายมือ ก่อนจะขึ้นไปพบบอสคู่แรกของเกม) ซึ่งที่นี่ จะพบกับมาเรียอีกครั้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังโซนโบสถ์สวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
Royal Chapel
ทางซ้ายมือของโซนนี้จะเป็นห้องเซฟ จากนั้นลุยขึ้นไปทางด้านขวา ระหว่างขึ้นบันไดยาว จัดการพวกกระโหลกมังกร แล้วหลบลูกตุ้มหนามให้ดีๆ (ในโซนนี้จะมีโถไอเท็มให้เก็บหลายใบ)
ในโซนนี้ ที่ห้องทางด้านขวา จะเป็น "ห้องสารภาพบาป" สามารถเข้าไปนั่งฟังได้ (ไปยืนตรงเก้าอี้ตัวซ้ายมือ แล้วกดปุ่ม "บน") โดยเกมจะสุ่มเหล่าวิญญาณออกมา บางตัวก็ดี บางตัวก็ร้าย ถ้าพบวิญญาณที่ใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินให้นั่งฟังเขา เมื่อเขาจากไป จะได้รับไอเท็มตอบแทนด้วย
ขึ้นไปยังหอระฆัง (ระวังการโจมตีของอีกาด้วย) ซึ่งที่นี่จะมีอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งมีหนามขวางอยู่เต็มไปหมด* ซึ่งยังไม่สามารถผ่านไปตอนนี้ได้ และผ่านไปยังห้องความพ่ายแพ้ของเหล่าเทพ ซึ่งที่นี่จะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "ฮิพโพกริฟ" (Lv.16 - HP 800)
เมื่อเอาชนะได้แล้ว จะได้พบกับมาเรียอีกครั้ง ซึ่งเธอจะบอกถึงเหตุผลในการมายังปราสาทนี้ และขอร้องให้อัลคาร์ดช่วยตามหาริชเตอร์ เบลมอนด์ด้วยอีกทาง และระหว่างที่สนทนากัน อัลคาร์ดจะบอกว่าตนก็รู้จักเบลมอนด์ (เทรเวอร์) เช่นกัน จากนั้น มุ่งหน้าไปยังโซนส่วนยอดของปราสาทต่อไป
Castle Keep & Orlox's Room
จากนั้นกลับไปยังห้องนาฬิกายักษ์ในโซน Marble Gallery อีกครั้ง แล้วรอรูปปั้นทางด้านซ้ายมือของนาฬิกา ซึ่งจะเปิดออกทุกๆ 1 นาที เมื่อรูปปั้นเปิดออกแล้วรีบกระโดดขึ้นไปข้างบนทันที
Note - รูปปั้นทางซ้ายมือ ให้ใช้ไอเท็มเสริม "นาฬิกาหยุดเวลา" แล้วรูปปั้นจึงจะเปิดออกให้ขึ้นไปเก็บไอเท็มได้ (เป็นอาวุธ และเครื่องป้องกันทั้งหมดของอัลคาร์ด แต่ว่าเป็นของปลอม ซึ่งจะเขียนว่า Alucart ไม่ใช่ Alucard แต่ถ้าสวมใส่พร้อมกันทั้งหมด จะเพิ่มค่าโชคขึ้นให้อีก 30%)
ที่นี่คือโซน Orlox's Quarters และเส้นทางนี้จะเป็นทางเชื่อมระหว่าง 2 โซนด้วยกันนั่นคือ Colosseum (ทางซ้ายมือ) และ Orlox's Room (ทางขวามือ) และที่นี่จะมีศัตรูคือดาบยักษ์ "สเปคตรัล ซวอร์ด" (Lv.2) เฝ้าอยู่ ห้องทางขวาบน ของโซน Orlox's Quarters แห่งนี้ จะมีห้องวาร์ปรูปแพะอยู่ด้วย ห้องทางขวาล่าง ของโซน Orlox's Quarters แห่งนี้ จะมีห้องลับซ่อนอยู่ในกำแพงด้านขวามือด้วย ตอนนี้ให้มุ่งหน้าไปยังโซนสนามประลองก่อน
ทางด้านซ้ายล่างของโซนนี้ จะมี ยอดไม้เท้า "ชิลด์ ร็อด" ซึ่งมีพลังแฝงซ่อนอยู่ แต่มีเหล่าศัตรูที่แข็งแกร่งอารักขาอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ควรจะไปเก็บมา เพราะอำนาจที่แท้จริงของชิลด์ ร็อดนั้น จะดึงพลังแฝงที่ซ่อนอยู่ในโลห์แต่ละอันออกมา ซึ่งถ้าดร็อปไนท์ ชิลด์ (โล่ห์อัศวิน) จากศัตรูพวกอัศวินเกราะได้ และใช้ควบคู่กับชิลด์ ร็อดจะมีพลังทำลายรุนแรงมากทีเดียว
Note - วิธีใช้คือ ติดตั้งชิลด์ ร็อดไว้ที่มือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือโล่ห์อะไรก็ได้ . . เวลาใช้งานให้กดปุ่มโจมตี + ป้องกันไว้พร้อมกัน แล้วชิลด์ร็อดก็จะแสดงพลังออกมา ซึ่งพลังนั้นจะต่างไปตามโล่ห์ที่ถืออยู่
เมื่อมาถึงลานต่อสู้ ก็จะพบกับชายคนที่มาเรียตามหาอยู่ นั่นคือ "ริชเตอร์ เบลมอนด์" นั่นเอง แต่ทว่าเขากลับ บงการให้สัตว์อสูร "เวอร์วูล์ฟ และมิโนทอร์" โจมตีเรา (Lv.18 - HP 260 และ Lv.18 - 300 ตามลำดับ) ซึ่งควรจะเก็บ Lv. อัลคาร์ดให้ได้สัก 19 หรือ 20 จะสู้ได้สบายขึ้น)
Colosseum
ที่โซนนี้ จะมีไอเท็มให้เก็บหลายชิ้นมาก ฉะนั้นหมั่นเช็คแผนที่ดีดี . . ที่ด้านซ้ายมือสุด และขวามือสุดจะเป็นห้องเซฟทั้งคู่ทางด้านซ้ายล่างของโซนนี้ จะมี ยอดไม้เท้า "ชิลด์ ร็อด" ซึ่งมีพลังแฝงซ่อนอยู่ แต่มีเหล่าศัตรูที่แข็งแกร่งอารักขาอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ควรจะไปเก็บมา เพราะอำนาจที่แท้จริงของชิลด์ ร็อดนั้น จะดึงพลังแฝงที่ซ่อนอยู่ในโลห์แต่ละอันออกมา ซึ่งถ้าดร็อปไนท์ ชิลด์ (โล่ห์อัศวิน) จากศัตรูพวกอัศวินเกราะได้ และใช้ควบคู่กับชิลด์ ร็อดจะมีพลังทำลายรุนแรงมากทีเดียว
Note - วิธีใช้คือ ติดตั้งชิลด์ ร็อดไว้ที่มือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือโล่ห์อะไรก็ได้ . . เวลาใช้งานให้กดปุ่มโจมตี + ป้องกันไว้พร้อมกัน แล้วชิลด์ร็อดก็จะแสดงพลังออกมา ซึ่งพลังนั้นจะต่างไปตามโล่ห์ที่ถืออยู่
เมื่อมาถึงลานต่อสู้ ก็จะพบกับชายคนที่มาเรียตามหาอยู่ นั่นคือ "ริชเตอร์ เบลมอนด์" นั่นเอง แต่ทว่าเขากลับ บงการให้สัตว์อสูร "เวอร์วูล์ฟ และมิโนทอร์" โจมตีเรา (Lv.18 - HP 260 และ Lv.18 - 300 ตามลำดับ) ซึ่งควรจะเก็บ Lv. อัลคาร์ดให้ได้สัก 19 หรือ 20 จะสู้ได้สบายขึ้น)
เมื่อเอาชนะได้แล้ว ไปยังทางด้านขวามือของสนามประลอง จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Form of Mist" มา ซึ่งทำให้อัลคาร์ดสามารถแปลงร่างเป็นหมอกได้ (กด L1)
จากนั้นกลับไปยังโซน Long Library อีกครั้ง (ถ้าซื้อไอเท็ม Library Card มา จะวาร์ปกลับไปยังห้องสมุดได้เลย) แล้วไปยังห้องสมุดทางด้านซ้ายบน ซึ่งครั้งนี้จะสามารถใช้การกระโดด 2 ชั้นข้ามไปได้แล้ว
ที่ชั้นบนสุดทางขวาบน ของพื้นที่นี้ ตรงตู้หนังสือ สามารถดันออกเพื่อเข้าไปเก็บไอเท็มข้างในได้
กลับลงไปชั้นล่างของเส้นทางนี้ จะได้สู้กับบอสของโซน Long Library นั่นคือ "เลสเซอร์ ดีม่อน" (Lv.20 - HP 400) ซึ่งมันสามารถเรียกสมุนปีศาจมาช่วยสู้ได้ด้วย (Skeleton , Ectoplasm ,Mudman)
กลับลงไปชั้นล่างของเส้นทางนี้ จะได้สู้กับบอสของโซน Long Library นั่นคือ "เลสเซอร์ ดีม่อน" (Lv.20 - HP 400) ซึ่งมันสามารถเรียกสมุนปีศาจมาช่วยสู้ได้ด้วย (Skeleton , Ectoplasm ,Mudman)
เมื่อเอาชนะได้แล้ว ลงมาข้างล่าง ทางขวาสุดจะพบรั้วเหล็กกั้นอยู่ ให้กระโดด แล้วกดแปลงร่างเป็นหมอก ก็จะผ่านมาได้ ภายในห้อง จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Soul of Bat" มา ซึ่งทำให้อัลคาร์ดสามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ (กด R1)
กลับออกไปยังโซนห้องสมุดส่วนนอกอีกครั้ง ซึ่งจะมีอยู่ชั้นหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถใช้การกระโดด 2 ชั้นขึ้นไปได้ ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินผ่านไป ข้างในจะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์* "Faerie Card" มา ซึ่งสามารถอัญเชิญ "เทพธิดา" ออกมาช่วยสู้ได้ โดยจะช่วยฟื้นพลังให้ยามบาดเจ็บ
Note - Relic การ์ดมอนสเตอร์* สามารถเข้าไปเลือกเปิด-ปิด ในหน้าจอเมนูได้
จากนั้นกลับออกไปยังโซน Outer Wall แล้วมุ่งหน้าขึ้นไปยังโซนหอนาฬิกาต่อไป ที่มุมด้านขวาบนสุดของโซนนี้ แปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไป ข้างในจะพบไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Fire of Bat" ซึ่งทำให้เวลาแปลงร่างเป็นค้างคาว สามารถพ่นลูกไฟโจมตีศัตรูได้
จากนั้นกลับออกไปยังโซน Outer Wall แล้วมุ่งหน้าขึ้นไปยังโซนหอนาฬิกาต่อไป ที่มุมด้านขวาบนสุดของโซนนี้ แปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไป ข้างในจะพบไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Fire of Bat" ซึ่งทำให้เวลาแปลงร่างเป็นค้างคาว สามารถพ่นลูกไฟโจมตีศัตรูได้
เมื่อเข้ามาในหอนาฬิกา ควรระวังให้ดี เพราะเส้นทางค่อนข้างโหด และจะมีหัวเมดูซ่าคอยบินก่อกวนไม่มีวันหมด ซึ่งในหอนาฬิกานี้ สังเกตดีๆจะมีเฟืองอยู่ 4 จุด ให้ฟันเฟืองแต่ละอัน ให้มีเสียงดัง "กริ๊ก" ครบทั้ง 4 จุด แล้วห้องลับทางด้านซ้ายล่างจะเปิดออกให้เข้าไปเก็บไอเท็มได้
ทางด้านมุมขวาบน ให้ทำลายกำแพง เพื่อเปิดทางไปยังชั้นบนของหอนาฬิกาได้ ซึ่งข้างในจะมีไอเท็มดีดีให้เก็บด้วย จากนั้นลงข้างล่างแล้วไปทางซ้าย ซึ่งบริเวณนี้จะมีไอเท็มซ่อนอยู่ในกำแพงให้เก็บอยู่หลายจุด เมื่อไปยังสุดทาง จะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ อสูรอีกา "การาสุแมน" (Lv.22 - HP 500)
เมื่อปราบได้แล้ว ไปต่อยังโซน Castle Keep อีกครั้ง ที่บริเวณด้านขวาบนของปราสาทมารหลังเก่า แปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไป เข้าไปในห้อง จะพบกับไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Ghost Card" ซึ่งสามารถเรียกภูติ "หัวปีศาจ" ออกมาช่วยสู้ได้ และที่ใต้ทางเดินของปราสาทมารหลังเก่า ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินลัดเลาะไปทางซ้าย จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Power of Mist" มา ซึ่งทำให้แปลงร่างเป็นหมอกได้นานขึ้น (แต่เดิมแปลงได้ชั่วขณะหนึ่ง)
และที่กำแพงด้านซ้ายมือ จะมีไอเท็มซ่อนอยู่ด้วย
กลับไปยังทางเข้าปราสาท (ตรงจุดเริ่มต้นของเกม) แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไปข้างบน จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Power of Wolf" ซึ่งทำให้เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่าแล้วจะวิ่งได้เร็วขึ้น และยังโจมตีศัตรูได้ด้วย
มายังห้องที่ก้อนหินยักษ์ขวางทางอยู่ เพดานด้านบนจะมีทางขึ้น ให้แปลงเป็นค้างคาวบินขึ้นไปเก็บไอเท็ม "โฮลี่ เมล" (เกราะศักดิ์สิทธิ์) มาใช้ได้ กลับลงมายังบริเวณก้อนหินยักษ์อีกครั้ง ให้แปลงร่างเป็นหมาป่า เดินเข้าจากทางซ้าย ออกไปทางขวา แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาว บินกลับจากขวาไปออกทางซ้าย แล้วห้องลับทางด้านซ้ายล่างจะเปิดออกให้เข้าไปเก็บไอเท็ม "จิวเวล ซวอร์ด" ซึ่งเวลาใช้โจมตีศัตรูแล้ว จะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นไอเท็มพวกเพชรพลอยได้ด้วย (แต่ใช้ไม่ได้กับทุกตัว)
ไปยังโซน Alchemy Laboratory ซึ่งที่นี่จะมีอยู่ห้องหนึ่ง ที่บนเพดานจะมีทางขึ้นไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Skill of Wolf" ได้ ซึ่งทำให้เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่า สามารถใช้ท่าไม้ตายพุ่งตัวโจมตีศัตรูได้ (กด ล่าง , หน้า + สี่เหลี่ยม)
ไปต่อยังห้องตราไสยเวทย์ (ห้องที่สู้กับบอสคู่แรกในเกม) ในโซน Alchemy Laboratory แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไปทางด้านมุมขวาบนของห้อง จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Bat Card" ซึ่งใช้เรียกสัตว์อสูร "ค้างคาวปีศาจ" ออกมาช่วยสู้ได้
ไปยังห้องนาฬิกายักษ์ ในโซน Marble Gallery แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาว บินขึ้นไปในรอยแตกตรงกลาง ที่ชั้นบนสุดจะเจอไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Gravity Boost" ซึ่งทำให้อัลคาร์ดสามารถกระโดดได้สูงขึ้นกว่าปกติถึง 5 เท่า (กด ล่าง , บน + X)
มุ่งหน้าไปยังโซน Colosseum ที่ชั้นบนของโซนนี้ บริเวณที่มีศัตรูพวก "เบลด โซลเยอร์" (โครงกระดูก ใส่เกราะสีเขียว ที่การ์ดรับการโจมตีของเราได้) จะมีเพดานลับด้านบน* ที่สามารถทำลายได้ และขึ้นไปเก็บไอเท็ม "โฮลี่ ซวอร์ด" ดาบศักดิ์สิทธิ์มาใช้ได้
จากนั้นกลับไปยังโซนทางเชื่อม Orlox's Quarters และมุ่งหน้าไปยัง โซนห้องของออลร็อกซ์ต่อไป
ไปยังโซน Alchemy Laboratory ซึ่งที่นี่จะมีอยู่ห้องหนึ่ง ที่บนเพดานจะมีทางขึ้นไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Skill of Wolf" ได้ ซึ่งทำให้เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่า สามารถใช้ท่าไม้ตายพุ่งตัวโจมตีศัตรูได้ (กด ล่าง , หน้า + สี่เหลี่ยม)
ไปต่อยังห้องตราไสยเวทย์ (ห้องที่สู้กับบอสคู่แรกในเกม) ในโซน Alchemy Laboratory แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไปทางด้านมุมขวาบนของห้อง จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Bat Card" ซึ่งใช้เรียกสัตว์อสูร "ค้างคาวปีศาจ" ออกมาช่วยสู้ได้
ไปยังห้องนาฬิกายักษ์ ในโซน Marble Gallery แล้วแปลงร่างเป็นค้างคาว บินขึ้นไปในรอยแตกตรงกลาง ที่ชั้นบนสุดจะเจอไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Gravity Boost" ซึ่งทำให้อัลคาร์ดสามารถกระโดดได้สูงขึ้นกว่าปกติถึง 5 เท่า (กด ล่าง , บน + X)
มุ่งหน้าไปยังโซน Colosseum ที่ชั้นบนของโซนนี้ บริเวณที่มีศัตรูพวก "เบลด โซลเยอร์" (โครงกระดูก ใส่เกราะสีเขียว ที่การ์ดรับการโจมตีของเราได้) จะมีเพดานลับด้านบน* ที่สามารถทำลายได้ และขึ้นไปเก็บไอเท็ม "โฮลี่ ซวอร์ด" ดาบศักดิ์สิทธิ์มาใช้ได้
จากนั้นกลับไปยังโซนทางเชื่อม Orlox's Quarters และมุ่งหน้าไปยัง โซนห้องของออลร็อกซ์ต่อไป
Orlox's Room
ในโซนนี้ ผ่านศัตรูอัศวินเหล็ก 2 ตัวมาแล้ว ห้องด้านขวาล่าง ที่กำแพงด้านขวาจะมีห้องลับ สามารถทำลายกำแพงเข้าไปเก็บไอเท็มข้างในได้ ส่วนห้องทางด้านขวาบน จะเป็นห้องวาร์ปรูปแพะ จะมีทางขึ้นอยู่บนเพดาน ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินขึ้นไป จะพบทางไปต่อและกระโดดลงมายังลานน้ำพุทางด้านล่าง ทางขวามือด้านบนจะเป็นห้องเซฟส่วนทางซ้ายบน จะเป็นทางเข้าไปสู่ "ห้องอาหารศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งที่นี่ เราจะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "เคาท์ ออลร็อกซ์" ซึ่งจะมี 2 ร่าง (Lv.25 - HP 666 และ Lv.26 - HP 800 ตามลำดับ) ซึ่งฝีมือค่อนข้างร้ายกาจ ออลร็อกซ์ ในร่างแรก สู้ด้วยไม่ยากเท่าไหร่ แต่เมื่อแปลงเป็นร่างที่ 2 จะปล่อยเลเซอร์ที่มีพลังทำลายสูงได้ (ท่านี้ใช้ท่าเฮลล์ ไฟร์ของอัลคาร์ดวาร์ปหลบได้) โดยจุดอ่อนของออลร็อกซ์ร่างที่ 2 จะอยู่ที่ส่วนหัว
เมื่อเอาชนะได้แล้ว ทางด้านซ้ายบน จะเป็นทางไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Echo of Bat" ซึ่งขณะแปลงร่างเป็นค้างคาว สามารถปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนหาทางในที่มืดได้ (กด สามเหลี่ยม ขณะอยู่ในร่างค้างคาว)
กลับลงมาแล้วไปทางด้านซ้ายล่างของใต้ห้องอาหารศักดิ์สิทธิ์ ทำลายรูปปั้นที่ขวางทาง เพื่อเปิดทางเชื่อมไปยังโซน Royal Chapel ได้ และในบริเวณนี้ ที่เพดานด้านบน จะมีห้องลับที่สามารถทำลายขึ้นไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Sword Card" ซึ่งใช้เรียก "ดาบอสูร" ออกมาช่วยสู้ได้
จากนั้นกลับไปยังโซน Marble Gallery อีกครั้ง เพื่อคลายผนึกเวทย์มนตร์ที่ประตูอีกบาน* และเข้าไปเหยียบสวิทช์ในห้อง แล้วพื้นที่จะไปยังชั้นใต้ดินของปราสาทจะเปิดออก ให้ลงไปในนั้น
ก่อนที่ลงไปจะชั้นใต้ดิน ทางขวามือจะเห็นทางไปต่ออยู่อีกด้าน ซึ่งไม่มีทางเดินไปถึงในจุดนี้ ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินข้ามผ่านปากหลุมไป และในที่สุดจะพบทางแยก 2 ทาง โดยทางซ้ายจะเป็นห้องเซฟ ส่วนทางขวา (ดวงวิญญาณสีม่วง) จะเป็นทางไปยังโลกแห่งฝันร้ายนิรันดร์กาล
กลับลงมาแล้วไปทางด้านซ้ายล่างของใต้ห้องอาหารศักดิ์สิทธิ์ ทำลายรูปปั้นที่ขวางทาง เพื่อเปิดทางเชื่อมไปยังโซน Royal Chapel ได้ และในบริเวณนี้ ที่เพดานด้านบน จะมีห้องลับที่สามารถทำลายขึ้นไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Sword Card" ซึ่งใช้เรียก "ดาบอสูร" ออกมาช่วยสู้ได้
จากนั้นกลับไปยังโซน Marble Gallery อีกครั้ง เพื่อคลายผนึกเวทย์มนตร์ที่ประตูอีกบาน* และเข้าไปเหยียบสวิทช์ในห้อง แล้วพื้นที่จะไปยังชั้นใต้ดินของปราสาทจะเปิดออก ให้ลงไปในนั้น
Underground Caverns
เมื่อลงมาข้างล่าง ทางขวามือจะเป็นห้องเซฟในโซนนี้จะมีห้องไอเท็มให้เก็บหลายห้อง เพราะฉะนั้นเช็คแผนที่ให้ดีดี และจะมีอยู่ห้องหนึ่ง ที่สามารถพังกำแพงในห้องเข้าไปเก็บไอเท็มในห้องลับได้ . . จากนั้นให้กระโดดลงไปยังชั้นใต้ดินของปราสาทก่อนที่ลงไปจะชั้นใต้ดิน ทางขวามือจะเห็นทางไปต่ออยู่อีกด้าน ซึ่งไม่มีทางเดินไปถึงในจุดนี้ ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินข้ามผ่านปากหลุมไป และในที่สุดจะพบทางแยก 2 ทาง โดยทางซ้ายจะเป็นห้องเซฟ ส่วนทางขวา (ดวงวิญญาณสีม่วง) จะเป็นทางไปยังโลกแห่งฝันร้ายนิรันดร์กาล
Nightmare
ที่นี่ อัลคาร์ดจะได้พบกับ "ลิซ่า" ผู้เป็นมารดากำลังจะถูกประหารด้วยการจับเผาทั้งเป็น เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด . . แต่ทว่าทุกคำสั่งเสียที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของเธอนั้น ทำให้อัลคาร์ดเอะใจ และรู้ได้ว่านี่ต้องไม่ใช่มารดาของตนแน่ . . และเมื่อนั้นปีศาจจำแลงก็แสดงร่างที่แท้จริงออกมา มันคือ "ซาคิวบัส" ปีศาจแห่งความฝัน (Lv.25 - HP 666) และเมื่อเอาชนะเธอได้แล้ว อัลคาร์ดจะขังซาคิวบัสไว้กับความมิดมืดชั่วกาลนาน และจะได้รับ "แหวนทองคำ" มา
กลับออกมายังโซน Underground Caverns อีกครั้ง และกระโดดลงไปยังทางน้ำใต้ดินชั้นล่างสุด ทางขวามือจะเป็นทางไปสู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "สคิลล่า เวิร์ม" (Lv.10 - HP 130) ซึ่งปราบได้ไม่ยาก . . เมื่อเอาชนะได้แล้วมันจะหนีไป
ไปต่อทางด้านขวา ซึ่งตรงนี้น้ำจะท่วมไล่หลังมา ให้รีบหนีไปยังชั้นต่อไปโดยเร็ว . . และมาทางซ้ายมือ จะได้สู้กับบอส "สคิลล่า" อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นร่างสมบูรณ์ของมัน (Lv.14 - HP 200) ซึ่งพยายามยืนอยู่บนแท่นหิน แล้วใช้ท่าเฮลล์ ไฟร์ แบบรุนแรงโจมตี (จะปล่อยเป็นบอลพลังสีดำ โดยกด บน , ล่าง , หน้า + สี่เหลี่ยม - ขณะหายตัว กดปุ่ม "บน")
ไปต่อทางด้านขวา ซึ่งตรงนี้น้ำจะท่วมไล่หลังมา ให้รีบหนีไปยังชั้นต่อไปโดยเร็ว . . และมาทางซ้ายมือ จะได้สู้กับบอส "สคิลล่า" อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นร่างสมบูรณ์ของมัน (Lv.14 - HP 200) ซึ่งพยายามยืนอยู่บนแท่นหิน แล้วใช้ท่าเฮลล์ ไฟร์ แบบรุนแรงโจมตี (จะปล่อยเป็นบอลพลังสีดำ โดยกด บน , ล่าง , หน้า + สี่เหลี่ยม - ขณะหายตัว กดปุ่ม "บน")
เมื่อปราบได้แล้ว กลับลงมา แล้วลุยไปทางด้านซ้ายต่อ (ระหว่างทางพยายามอย่าตกน้ำ เพราะจะเสียพลังอย่างมาก) ผ่านไปจนถึงน้ำตกใต้ดิน กระโดดลงน้ำตกไปข้างล่าง แล้วไปทางซ้ายต่อจะพบคนแจวเรือ ซึ่งเขาจะพาเราไปยังสุดทาง เพื่อเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Merman Statue" ซึ่งใช้เปิดประตูที่อยู่ในทางน้ำใต้ดินได้
Note - ทางซ้ายมือของน้ำตก จะมีทางขึ้นเชื่อมต่อกับโซน Castle Entrance ได้ด้วย และใต้น้ำตกทางมุมขวา ยังมีทางลับไปเก็บไอเท็มได้เช่นกัน
กลับไปยังจุดที่เคยจะเข้าไปสู้กับบอสสคิลล่าร่างแรก ซึ่งบริเวณพื้นทางด้านล่างซ้าย สามารถทำลายเพื่อเปิดทางไปต่อได้ เมื่อลงมายังทางลับนี้ ที่สุดทางจะได้พบกับคนแจวเรืออีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขาจะพายเรือพาเราไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Holy Symbol" ซึ่งทำให้เวลาลงน้ำจะไม่สูญเสียพลัง จากนั้นให้ตามเก็บไอเท็มใต้น้ำให้หมด
Note - หากเลือกมาทางนี้ก่อน จะไม่เจอคนแจวเรือ
กลับไปยังน้ำตกใต้ดินอีกครั้ง ซึ่งตรงจุดนี้จะเห็นหน้าผาอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถกระโดดไปถึงได้ ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินข้ามไป เข้ามาในห้อง กดสวิทช์แล้วศัตรู "สเกลเลตัน เอฟ" จะปรากฎตัวขึ้นมา โยนถังระเบิดทำลายสะพานไม้ในห้อง
ในโซนนี้ ห้องที่อยู่ทางขวาล่างคือห้องเซฟ และที่นี่เราจะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "เซอร์เบรัส" สุนัข 3 หัวเฝ้าปากทางนรก (Lv.24 - HP 800) ซึ่งมีวิธีปราบง่ายๆ โดยยืนอยู่บนแท่นหิน คอยหลบการโจมตี แล้วปาน้ำมนต์ใส่อย่างเดียว ก็จะเอาชนะได้ไม่ยากนัก เมื่อจัดการเซอร์เบรัสได้แล้ว เดินไปทางขวา จะพบทางลงไปยังชั้นต่อไป
Note - ทางซ้ายมือของน้ำตก จะมีทางขึ้นเชื่อมต่อกับโซน Castle Entrance ได้ด้วย และใต้น้ำตกทางมุมขวา ยังมีทางลับไปเก็บไอเท็มได้เช่นกัน
กลับไปยังจุดที่เคยจะเข้าไปสู้กับบอสสคิลล่าร่างแรก ซึ่งบริเวณพื้นทางด้านล่างซ้าย สามารถทำลายเพื่อเปิดทางไปต่อได้ เมื่อลงมายังทางลับนี้ ที่สุดทางจะได้พบกับคนแจวเรืออีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขาจะพายเรือพาเราไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Holy Symbol" ซึ่งทำให้เวลาลงน้ำจะไม่สูญเสียพลัง จากนั้นให้ตามเก็บไอเท็มใต้น้ำให้หมด
Note - หากเลือกมาทางนี้ก่อน จะไม่เจอคนแจวเรือ
กลับไปยังน้ำตกใต้ดินอีกครั้ง ซึ่งตรงจุดนี้จะเห็นหน้าผาอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถกระโดดไปถึงได้ ให้แปลงร่างเป็นค้างคาวบินข้ามไป เข้ามาในห้อง กดสวิทช์แล้วศัตรู "สเกลเลตัน เอฟ" จะปรากฎตัวขึ้นมา โยนถังระเบิดทำลายสะพานไม้ในห้อง
ออกมาจากห้อง แล้วกลับไปทางขวา ไปจนถึงบริเวณที่มีพื้นเป็นไม้กั้นทางลงอยู่ (ตรงที่มีกบเยอะๆ) และตรงนี้จะมีสเกลเลตัน เอฟเฝ้าอยู่ 1 ตัว ให้ล่อหลอกสเกลเลตัน เอฟที่อยู่ทางซ้าย ให้เดินตามมาทุ่มถังระเบิดใส่สะพานไม้ เพื่อเปิดทางลงไปยังโซนสุสานที่ถูกลืมต่อไป
Abandoned Mine
ในโซนนี้ ห้องที่อยู่ทางขวาล่างคือห้องเซฟ และที่นี่เราจะได้สู้กับบอสของโซนนี้ นั่นคือ "เซอร์เบรัส" สุนัข 3 หัวเฝ้าปากทางนรก (Lv.24 - HP 800) ซึ่งมีวิธีปราบง่ายๆ โดยยืนอยู่บนแท่นหิน คอยหลบการโจมตี แล้วปาน้ำมนต์ใส่อย่างเดียว ก็จะเอาชนะได้ไม่ยากนัก เมื่อจัดการเซอร์เบรัสได้แล้ว เดินไปทางขวา จะพบทางลงไปยังชั้นต่อไป
ลงมาข้างล่าง ทางด้านขวาจะเป็นห้องวาร์ปรูปงู ส่วนทางซ้ายจะเป็นทางไปเก็บไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) การ์ดมอนสเตอร์ "Demon Card" ซึ่งใช้เรียก "อสูรสีม่วง" ออกมาช่วยสู้ได้
กลับที่ห้องทางมุมด้านขวาบน จะสังเกตเห็นว่ามีสวิทช์ฝังอยู่ในหิน ให้ใช้อสูรสีม่วงไปกดสวิทช์ให้ จึงจะเปิดทางลับที่กำแพงด้านขวาได้ เข้าไปข้างใน แล้วใช้ดาบทำลายกำแพงด้านซ้าย จะมีห้องลับให้เข้าไปเก็บไอเท็มได้จากนั้นกลับออกมา แล้วเดินทางไปยังโซนสุสานใต้ดินต่อไป
Catacombs
ทางด้านขวาของโซนนี้ จะเป็นห้องมืด และมีกับดักหนามขวางอยู่เต็มไปหมด ซึ่งต้องแปลงร่างเป็นค้างคาว แล้วใช้คลื่นเสียงสำรวจทางผ่านไป เมื่อผ่านมาได้แล้ว กดสวิทช์ที่อยู่บนพื้นห้อง จะทำให้พื้นที่ในโซนนี้สว่างขึ้นมา เมื่อสำรวจไปจนสุดทาง จะพบกับชุดเกราะ "สไปค์ เบรคเกอร์" ซึ่งสามารถใช้ลุยผ่านดงหนามได้ใช้เกราะใหม่ลุยกลับไปทางเดิม แล้วไปทางด้านซ้าย และจะได้สู้กับบอสผู้พิทักษ์สุสานใต้ดินแห่งนี้ นั่นคือ "แกรนฟาลูน" (Lv.28 - HP 400) ปีศาจขนาดยักษ์ ซึ่งมีเปลือกเป็นซากมนุษย์เป็นเกราะป้องกันใจกลางอยู่ ซึ่งต้องโจมตีให้เปลือกนอกกระเทาะออกก่อน จึงจะโจมตีแก่นกลางได้
เมื่อเอาชนะได้แล้ว ทางห้องมุมขวาของห้องบอส ผ่านห้องเซฟไป จะมีชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม (ถ้าไม่รวมที่ต้องหาดร็อปจากศัตรู) คือ "วอล์ค อาร์เม่อร์" และดาบน้ำแข็ง "ไอซ์
แบรนด์" ให้เก็บด้วย
จากนั้นให้มุ่งหน้าไปยังโซน Royal Chapel ทันที ซึ่งจะมีอยู่จุดหนึ่ง ของหอระฆังที่ทางซ้ายมือจะเป็นระเบียงที่มีหนามทอดยาวตลอดแนว ให้ใส่เกราะสไปค์ เบรคเกอร์ ลุยผ่านเข้าไป ที่ห้องในสุด จะพบกับมาเรีย ซึ่งรอฟังข่าวของริชเตอร์ และเมื่อได้รับรู้ว่าริชเตอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เธอจึงออกไปพบกับริชเตอร์ทันทีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง จากนั้นเดินไปทางซ้ายของห้องนี้ จะได้ไอเท็ม "แหวนเงิน" มา ให้ใส่ควบคู่กับแหวนทองไว้
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังห้องนาฬิกายักษ์ ในโซน Marble Gallery เมื่อมาถึง ด้วยพลังอำนาจของแหวน 2 วงนี้ เข็มนาฬิกายักษ์จะเริ่มขยับ และหมุนย้อนกลับไปเป็นเวลา 6 โมงครึ่ง จากนั้นทางลับด้านล่างจะเปิดออก แล้วนาฬิกาจะกลับคืนสู่เวลาปกติ
ลงไปข้างล่าง ทางซ้ายมือจะเป็นห้องเซฟ ส่วนทางขวาจะมีไอเท็มให้เก็บ หลังจากนั้นลงลิฟท์เลื่อนไปยังห้องแห่งเนตรที่อยู่ชั้นล่างสุด จะพบมาเรีย*ถูกขังอยู่ที่นี่ คุยกับเธอแล้วมาเรียจะขอร้องให้อัลคาร์ดยอมละเว้นชีวิตของริชเตอร์ เพราะที่แท้เขาถูกมนต์ดำควบคุมอยู่ ซึ่งขณะที่อัลคาร์ดลังเลอยู่นั้น มาเรียจะมอบ "แว่นศักดิ์สิทธิ์" (Holy Glasses) ให้มา เพื่อที่จะทำให้มองเห็นจิตมารที่ควบคุมริชเตอร์อยู่ได้
Note - ใน SOTN ภาคโบนัส ที่แถมมากับ Castlevania : The Dracula X Chronicles บน PSP นั้น
แบรนด์" ให้เก็บด้วย
จากนั้นให้มุ่งหน้าไปยังโซน Royal Chapel ทันที ซึ่งจะมีอยู่จุดหนึ่ง ของหอระฆังที่ทางซ้ายมือจะเป็นระเบียงที่มีหนามทอดยาวตลอดแนว ให้ใส่เกราะสไปค์ เบรคเกอร์ ลุยผ่านเข้าไป ที่ห้องในสุด จะพบกับมาเรีย ซึ่งรอฟังข่าวของริชเตอร์ และเมื่อได้รับรู้ว่าริชเตอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เธอจึงออกไปพบกับริชเตอร์ทันทีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง จากนั้นเดินไปทางซ้ายของห้องนี้ จะได้ไอเท็ม "แหวนเงิน" มา ให้ใส่ควบคู่กับแหวนทองไว้
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังห้องนาฬิกายักษ์ ในโซน Marble Gallery เมื่อมาถึง ด้วยพลังอำนาจของแหวน 2 วงนี้ เข็มนาฬิกายักษ์จะเริ่มขยับ และหมุนย้อนกลับไปเป็นเวลา 6 โมงครึ่ง จากนั้นทางลับด้านล่างจะเปิดออก แล้วนาฬิกาจะกลับคืนสู่เวลาปกติ
ลงไปข้างล่าง ทางซ้ายมือจะเป็นห้องเซฟ ส่วนทางขวาจะมีไอเท็มให้เก็บ หลังจากนั้นลงลิฟท์เลื่อนไปยังห้องแห่งเนตรที่อยู่ชั้นล่างสุด จะพบมาเรีย*ถูกขังอยู่ที่นี่ คุยกับเธอแล้วมาเรียจะขอร้องให้อัลคาร์ดยอมละเว้นชีวิตของริชเตอร์ เพราะที่แท้เขาถูกมนต์ดำควบคุมอยู่ ซึ่งขณะที่อัลคาร์ดลังเลอยู่นั้น มาเรียจะมอบ "แว่นศักดิ์สิทธิ์" (Holy Glasses) ให้มา เพื่อที่จะทำให้มองเห็นจิตมารที่ควบคุมริชเตอร์อยู่ได้
Note - ใน SOTN ภาคโบนัส ที่แถมมากับ Castlevania : The Dracula X Chronicles บน PSP นั้น
เหตุการณ์ตรงนี้
อัลคาร์ดยืนยันที่จะสังหารริชเตอร์เพื่อยุติเหตุการณ์ทั้งหมด มาเรียจึงยอมเอาชีวิตเข้าแลกด้วยการเปิดฉากปะทะกับอัลคาร์ดตรงๆ ทำให้อัลคาร์ดยอมรับในความกล้าหาญ และความเชื่อมั่นของมาเรียเป็นอย่างมาก จนยอมละเว้นชีวิตของริชเตอร์ในที่สุด และมาเรียจึงจะให้แว่นศักดิ์สิทธิ์มา
มุ่งหน้าไปที่ห้องราชันย์ ของโซน Castle Keep ทันที (ปราสารมารหลังเก่าที่ปรากฎตอนต้นเรื่อง) และที่นี่ อัลคาร์ดจะต้องปะทะกับ "ริชเตอร์ เบลมอนด์" (Lv.48 - HP 400) แวมไพร์ ฮันเตอร์ผู้มีฝีมือร้ายกาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากสวมแว่นแห่งเนตรมา จะทำให้มองเห็นจิตมารที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของริชเตอร์ได้ ซึ่งถ้าอยากช่วย ริชเตอร์ จะต้องโจมตีต่อดวงจิตนี้เท่านั้น (ถ้าสังหารเขาตาย เกมจะจบแบบ Bad Ending ทันที)
อัลคาร์ดยืนยันที่จะสังหารริชเตอร์เพื่อยุติเหตุการณ์ทั้งหมด มาเรียจึงยอมเอาชีวิตเข้าแลกด้วยการเปิดฉากปะทะกับอัลคาร์ดตรงๆ ทำให้อัลคาร์ดยอมรับในความกล้าหาญ และความเชื่อมั่นของมาเรียเป็นอย่างมาก จนยอมละเว้นชีวิตของริชเตอร์ในที่สุด และมาเรียจึงจะให้แว่นศักดิ์สิทธิ์มา
มุ่งหน้าไปที่ห้องราชันย์ ของโซน Castle Keep ทันที (ปราสารมารหลังเก่าที่ปรากฎตอนต้นเรื่อง) และที่นี่ อัลคาร์ดจะต้องปะทะกับ "ริชเตอร์ เบลมอนด์" (Lv.48 - HP 400) แวมไพร์ ฮันเตอร์ผู้มีฝีมือร้ายกาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากสวมแว่นแห่งเนตรมา จะทำให้มองเห็นจิตมารที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของริชเตอร์ได้ ซึ่งถ้าอยากช่วย ริชเตอร์ จะต้องโจมตีต่อดวงจิตนี้เท่านั้น (ถ้าสังหารเขาตาย เกมจะจบแบบ Bad Ending ทันที)
เมื่อทำลายดวงจิตมารนี้ได้ "ชาฟต์" นักบวชแห่งความมืดจะปรากฎตัวขึ้นมา พร้อมกับริชเตอร์ที่กลับคืนสติดังเดิมแล้ว ชาฟต์จึงท้าทายให้อัลคาร์ดตามไปยังปราสาทมารพลิกผันก่อนจะหนีไป ริชเตอร์เอ่ยขอบคุณอัลคาร์ดที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และระลึกได้ว่าชายผู้นี้ ในอดีตเคยร่วมมือกับ "เทรเวอร์ เบล
มอนต์" บรรพบุรุษของตนทำการสังหาร เคาท์ แดร็คคูล่าลงได้ จากนั้นอัลคาร์ดจะให้มาเรียพาริชเตอร์หนีไปก่อน ส่วนตัวเขาเองจะตามไปยุติเรื่องราวทั้งหมดในปราสาทมารพลิกผันแต่เพียงลำพัง
Note - Reverse Castle เป็นปราสาทมารที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งนั่นเอง มีลักษณะที่เหมือนกับปราสาทเดิมทุกอย่าง เพียงแต่กลับหัว และสลับจากขวาไปซ้าย ซ้ายไปขวา มีกับดัก และมอนสเตอร์โหดๆรออยู่อย่างมากมาย
มอนต์" บรรพบุรุษของตนทำการสังหาร เคาท์ แดร็คคูล่าลงได้ จากนั้นอัลคาร์ดจะให้มาเรียพาริชเตอร์หนีไปก่อน ส่วนตัวเขาเองจะตามไปยุติเรื่องราวทั้งหมดในปราสาทมารพลิกผันแต่เพียงลำพัง
Note - Reverse Castle เป็นปราสาทมารที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งนั่นเอง มีลักษณะที่เหมือนกับปราสาทเดิมทุกอย่าง เพียงแต่กลับหัว และสลับจากขวาไปซ้าย ซ้ายไปขวา มีกับดัก และมอนสเตอร์โหดๆรออยู่อย่างมากมาย
**บางคนเล่นมาถึงจุดนี้แล้วจะนึกว่าจบเกมส์แล้วแต่ยังมีต่อนะครับ ซึ่งเป็นช่วงที่ 2 ทั้งหมดที่เราเล่นมานั้นคือช่วงที่ 1 ส่วนช่วงที่ 2 จะยากกว่าเล็กน้อยครับ
Reverse Castle
เมื่อวาร์ปมายังปราสาทมารพลิกผันแล้ว ให้ตามไปกำจัดบอสผู้พิทักษ์ปราสาททั้ง 11 ตน ตามจุดต่างๆดังนี้
Reverse Clock Tower
สู้กับบอสค้างคาวยักษ์ "ดาร์ค วิง" (Lv.35 - HP 600) เมื่อเอาชนะได้ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Ring of Vlad" (แหวนของวลาด) มา ซึ่งช่วยเพิ่มค่า INT ให้อีก 10%
Note - เกราะหมวกของอัลคาร์ด "Dragon helm" ซ่อนอยู่ที่นี่
Reverse Outer Wall
สู้กับบอส "เดอะ ครีเชอร์" แฟรงเกนสไตน์ (Lv.40 - HP 1,100) เมื่อเอาชนะได้ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Tooth of Vlad" (ฟันของวลาด) มา ซึ่งช่วยเพิ่มค่า STR ให้อีก 10%
Death Wing's Lair (Reverse Olrox's Quarters)
ที่ห้องอาหารศักดิ์สิทธิ์ ต้องสู้กับบอสมัมมี่ "อัคมอนแดน ที่สอง" (Lv.40 - HP 1,200) เมื่อเอาชนะได้ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Rib of Vlad" (กระดูกของวลาด) มา ซึ่งช่วยเพิ่มค่า CON ให้อีก 10%
Note - เกราะของอัลคาร์ด "อัลคาร์ด เมล" ซ่อนอยู่ที่นี่
Reverse Coloseum
ที่สนามประลอง จะต้องปะทะกับเหล่าสหายเก่าที่เคยร่วมสู้ศึกด้วยกันมา "เทรเวอร์ เบลมอนด์ (Lv.41- HP 1,200) , แกรนต์ ไดนาสตี้ (Lv.41 - HP 800) และไซฟา เวลนันเดส" (Lv.42 - HP 1,000) ที่ถูกชุบชีวิตกลับมาอีกครั้ง ฉะนั้นเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณของพวกเขาไปสู่สุขคติ การต่อสู้นี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้
Anti Chapel
ที่ห้องความพ่ายแพ้ของเหล่าเทพ จะต้องสู้กับ "เมดูซ่า" (Lv.40 - HP 1,100) เมื่อเอาชนะได้ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "Heart of Vlad" (หัวใจของวลาด) ซึ่งช่วยป้องกันสถาะนะติดคำสาบ และพิษได้ทุกชนิด
Note - ผ้าคลุมของอัลคาร์ด "ทไวไลท์ โคล้ค" ซ่อนอยู่ที่นี่ (ตรงจุดระเบียงหนามที่พบมาเรีย และเก็บแหวนเงินในปราสาทหลังแรก)
Note - ผ้าคลุมของอัลคาร์ด "ทไวไลท์ โคล้ค" ซ่อนอยู่ที่นี่ (ตรงจุดระเบียงหนามที่พบมาเรีย และเก็บแหวนเงินในปราสาทหลังแรก)
Necromancy Laboratory
ที่ห้องตราไสยเวทย์ จะต้องสู้กับ จ้าวแมลงวัน "เบลเซบับ" (Lv.44 - HP 2,000)
Note 1 - วิธีเก็บเลเวลอย่างรวดเร็ว ในโซน Necromancy Laboratory แห่งนี้ ที่ห้องทางขวามือ และซ้ายมือของห้องนาฬิกายักษ์ จะมีศัตรูคืออัศวิน Guardian ที่แข็งแกร่ง เฝ้าอยู่ห้องละ 2 ตัว ซึ่งถ้ากำจัดได้จะได้รับค่าประสบการณ์ถึงรอบละ 3,000 หน่วยทันที (ตัวละ 1,500 หน่วย) ซึ่งถ้าใช้ท่าพิเศษของไม้เท้าชิลด์ ร็อด กับโล่ห์ "อัลคาร์ด ชิลด์" เดินชน จะปราบได้อย่างง่ายดาย และสามารถเดินตัดฉากกลับมาเก็บได้เรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ
Note 2 - หากใส่แหวน "Ring of Arcana" ไว้ด้วย จะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การ
ดร็อปไอเท็มเกราะ "God 's Garb" จากศัตรู Guardian ได้ด้วย ซึ่งเป็นเกราะสุดยอด ที่มีพลังป้องกันสูงที่สุดของเกม
Note 1 - วิธีเก็บเลเวลอย่างรวดเร็ว ในโซน Necromancy Laboratory แห่งนี้ ที่ห้องทางขวามือ และซ้ายมือของห้องนาฬิกายักษ์ จะมีศัตรูคืออัศวิน Guardian ที่แข็งแกร่ง เฝ้าอยู่ห้องละ 2 ตัว ซึ่งถ้ากำจัดได้จะได้รับค่าประสบการณ์ถึงรอบละ 3,000 หน่วยทันที (ตัวละ 1,500 หน่วย) ซึ่งถ้าใช้ท่าพิเศษของไม้เท้าชิลด์ ร็อด กับโล่ห์ "อัลคาร์ด ชิลด์" เดินชน จะปราบได้อย่างง่ายดาย และสามารถเดินตัดฉากกลับมาเก็บได้เรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ
Note 2 - หากใส่แหวน "Ring of Arcana" ไว้ด้วย จะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การ
ดร็อปไอเท็มเกราะ "God 's Garb" จากศัตรู Guardian ได้ด้วย ซึ่งเป็นเกราะสุดยอด ที่มีพลังป้องกันสูงที่สุดของเกม
Reverse Caverns
ในตำแหน่งที่เคยสู้กับบอสสคิลล่าในทางน้ำใต้ดิน แต่ครั้งนี้จะได้สู้กับบอส "ดรอบเฟลแกงเกอร์" แทน(Lv.40 - HP 777)
Note - โล่ห์ของอัลคาร์ด "อัลคาร์ด ชิลด์" ซ่อนอยู่ที่นี่Note - "อัลคาร์ด ชิลด์" คือสุดยอดของโล่ห์ ถ้าใช้ควบคู่กับไม้เท้าชิลด์ ร็อด แล้วกดปุ่มโจมตี ทั้ง 2 ปุ่มพร้อมกัน จะเป็นการรวมความสามารถทุกโล่ห์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้อัลคาร์ดมีพลังโจมตีอย่างมหาศาล . . เวลาใช้ให้ถือโล่ห์ไว้ แล้วเดินชนศัตรู จะสามารถทำลายศัตรูที่ร้ายกาจได้อย่างง่ายดาย
Dark Mine
ในโซนสุสานที่ถูกลืมนี้ จะต้องสู้กับ "เดธ" เทพแห่งความตาย (Lv.66 - HP 888) เมื่อเอาชนะได้ จะได้ไอเท็มความสามารถพิเศษ (Relic) "The Eye of Vlad" (ดวงตาของวลาด) มา ซึ่งช่วยเพิ่มค่า LCK ให้อีก 10 %
Note - ดาบของอัลคาร์ด "อัลคาร์ด ซวอร์ด" ซ่อนอยู่ที่นี่
Note - ดาบของอัลคาร์ด "อัลคาร์ด ซวอร์ด" ซ่อนอยู่ที่นี่
Reverse Catacombs
ในตำแหน่งที่เคยสู้กับบอสแกรนฟาลูนในปราสาทหลังแรก ในครั้งนี้จะได้สู้กับ "กาลามอธ" เทพปีศาจยักษ์ขนาดมหึมาที่มีความแข็งแกร่งแบบสุดๆ . . เมื่อปราบได้แล้ว ที่ห้องด้านหลัง จะได้รับไอเท็มความสามารถพิเศษอันสุดท้าย (Relic) มา นั่นคือ "Gas Cloud" ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นหมอกพิษ เพื่อจู่โจมศัตรูได้
Note - วิธีปราบกาลามอธแบบง่ายๆ คือใช้ไม้เท้าชิลด์ ร็อด ควบคู่กับโล่ห์ "อัลคาร์ด ชิลด์" แล้วกดใช้ความสามารถพิเศษของโล่ห์ (กดโจมตี 2 ปุ่มพร้อมกัน) แล้วถือโล่ห์เดินชนได้เลย แค่ไม่กี่วินาทีก็จะปราบกาลามอธลงได้อย่างง่ายดาย
Note - วิธีปราบกาลามอธแบบง่ายๆ คือใช้ไม้เท้าชิลด์ ร็อด ควบคู่กับโล่ห์ "อัลคาร์ด ชิลด์" แล้วกดใช้ความสามารถพิเศษของโล่ห์ (กดโจมตี 2 ปุ่มพร้อมกัน) แล้วถือโล่ห์เดินชนได้เลย แค่ไม่กี่วินาทีก็จะปราบกาลามอธลงได้อย่างง่ายดาย
Final Battles
เมื่อกำจัดอสูรผู้พิทักษ์ปราสาทมารทั้ง 11 ตนลงได้แล้ว ให้กลับไปยังห้องนาฬิกายักษ์ในโซน Black Gallery เมื่อมาถึงทางลับลงไปยังห้องแห่งเนตรของปราสามมารพลิกผันจะเปิดออกเข้าไปข้างใน แล้วจะได้สู้กับ "ชาฟต์" นักบวชแห่งความมืด (Lv.88 - HP 1,300) เมื่อล้มเขาลงได้แล้ว อัลคาร์ดจะถูก
พาไปยังอีกมิติหนึ่ง และนั่นทำให้เขาได้พบกับบอสใหญ่ตัวสุดท้าย บุรุษอมตะผู้ซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทมาร "เคาท์ แดร็คคูล่า" นั่นเอง (Lv.98 - HP 9,998) . . เมื่อล้มเขาลงได้ ปราสาทมารก็จะถูกทำลาย และความสงบสุขก็จะกลับคืนมา
ของแถมหลังเคลียร์เกมพาไปยังอีกมิติหนึ่ง และนั่นทำให้เขาได้พบกับบอสใหญ่ตัวสุดท้าย บุรุษอมตะผู้ซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทมาร "เคาท์ แดร็คคูล่า" นั่นเอง (Lv.98 - HP 9,998) . . เมื่อล้มเขาลงได้ ปราสาทมารก็จะถูกทำลาย และความสงบสุขก็จะกลับคืนมา
-T H E E N D-
เมื่อเคลียร์เกมจบไป 1 รอบ แล้วเล่นรอบใหม่อีกครั้ง ที่ร้านค้าในโซนห้องสมุด จะมีไอเท็มดีๆ และอาวุธที่พลังโจมตีสูงขายด้วยตั้งแต่แรกเลย
เมื่อเคลียร์เกมจบไป 1 รอบ แล้วเล่นรอบใหม่อีกครั้ง โดยตั้งชื่อว่า AXEARMOR จะได้เล่นเป็นอัลคาร์ดในสภาพสวมเกราะ Axe Lord Armor
เมื่อเคลียร์เกมจบไป 1 รอบ แล้วเล่นรอบใหม่อีกครั้ง โดยตั้งชื่อว่า X-X!V''Q แล้วจะมีค่า LCK เต็ม 99% ตั้งแต่แรก ทำให้มีโอกาสดร็อปไอเท็มดีๆจากศัตรูสูงมากทีเดียว
เมื่อเคลียร์เกมจบไป 1 รอบ แล้วเล่นรอบใหม่อีกครั้ง โดยตั้งชื่อว่า RICHTER จะได้เล่นเป็น "ริชเตอร์ เบลมอนด์"
รายละเอียดดีมากครับ แต่ถ้าคนไม่เคยเล่นคงต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ
ตอบลบ